ICM ตัวช่วยให้รวย จาก Tournament Poker
ICM ตัวช่วยให้รวย จาก Tournament Poker จะไปเล่น โป๊กเกอร์ แบบทัวร์นาเม้นต์ทั้งทีแต่ถ้าไม่รู้เรื่องนี้คือไม่ได้แน่ครับกับ ICM หรือ Independent Chip Model เพราะมันคือสุดยอดตัวช่วยที่นักเล่น โป๊กเกอร์ สาย Tournament หรือ Sit & Go ทั่วโลกต่างให้การยอมรับว่ามันช่วยได้จริง ๆ โดยเฉพาะช่วงก่อนเข้า In the Money หรือ Bubble เพราะมันจะช่วยให้เราประเมินได้ว่าชิพของเราจะมีมูลค่าเท่าใดเมื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินจริง
ในการเล่นโป๊กเกอร์ในช่วง Pre-flob สำหรับการเล่นแบบ Cash game นั้น ไพ่ AK จะมีความสำคัญและมีบทบาทค่อนข้างมากซึ่งนักเล่นโป๊กเกอร์ส่วนใหญ่จะไปนึกถึงแต่ไพ่ AA,KK,QQ โดยลืมไปว่ายังมี เทคนิคโป๊กเกอร์ AK Poker Trick อยู่และวิธีที่จะเล่นยังไงให้ปั่นกำไรขั้นสุด
อะไรคือ ICM
ในการเล่น Tournament Poker แบบจำลอง ICM จะทำหน้าที่นำชิพที่เหลืออยู่ไปเทียบเป็นมูลค่าจริง โดยดูจากปัจจัยร่วม 2 อย่างคือ
- จำนวนชิพทั้งหมดที่ใช้เล่น
ระบบ ICM จะมองจำนวนชิพทั้งหมดแล้วมาเปรียบเทียบกับชิพของเราว่ามีค่าพอสมควรหรือไม่ สมมติว่าทัวร์นาเม้นต์ที่เราเล่นใช้ชิพรวมที่ 1,000 ในการเล่น ถ้าเรามีชิพอยู่ 100 หรือประมาณ 10% ของชิพรวม ก็ถือว่ามีค่าระดับหนึ่ง แต่ถ้าชิพรวมอยู่ที่ 100,000 แล้วเรามีชิพ 100 หรือประมาณ 0.1% ของชิพรวม แบบนี้แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย
- การแบ่งรางวัล
สมมติว่าตอนนี้เหลือผู้เล่นอยู่ 5 คนบนโต๊ะและมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้เงินรางวัลไป ขณะเดียวกันมีชิพรวมอยู่ 1,000 แต่เรามีแค่ 100 เมื่อเทียบเป็นเงินจริงแล้วมูลค่าอาจน้อยมาก และด้วยจำนวนชิพเพียงแค่ 10% มันยากมากที่จะพาเราเข้าไปถึงเงินรางวัล แต่ถ้ารูปแบบการจ่ายเงินรางวัลปรับเป็นผู้ชนะอันดับ 1 – 4 เท่านั้นที่จะได้รางวัล มูลค่าชิพที่เราถืออยู่ตอนนี้ก็จะมีค่ามากขึ้นเมื่อเทียบเป็นเงินจริง
จากตัวอย่างที่ยกมาจะเห็นได้ว่ารูปแบบการจ่ายเงินรางวัลทั้ง 4 อันดับนั้นมีค่า ROI (อัตราส่วนผลตอบแทนต่อการลงทุน) ที่ดีกว่าการจ่ายแบบรางวัลใหญ่รางวัลเดียว คงตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมครับว่าชิพ 100 ที่ถืออยู่นั้นควรเสี่ยงกับสถานการณ์แบบไหนถึงจะให้ผลตอบแทนดีที่สุด
ICM ใช้ยังไง คำนวณอย่างไร ถึงจะรู้จำนวนเงินเฉลี่ยที่จะได้
ในการเล่นแบบ Tournament Poker สิ่งหนึ่งที่เราจะทำไม่ได้ก็คือการเดินไปแลกชิพคืนทุกครั้งที่ได้กำไร เราจะแลกคืนได้ก็ต่อเมื่อเล่นไปจนกว่าจะติดอันดับเงินรางวัลเท่านั้น วิธีที่จะไปให้ถึงจุดนั้นได้ก็คือมีชิพให้เยอะเข้าไว้จะได้มีโอกาสติดอันดับแค่นั้นเอง
สำหรับ ICM จะคำนวณหาเงินโดยเฉลี่ยที่เราคาดว่าจะได้ในระยะยาว จากข้อมูลต่อไปนี้
- Stack Size ของเรา ณ ปัจจุบัน
- Stack Size ของผู้เล่นคนอื่น ณ ปัจจุบัน
- จำนวนเงินกองกลางทั้งหมด และเงินรางวัลสำหรับแต่ละอันดับ
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงเริ่มทัวร์นาเม้นต์ ทุกคนจะมีเงินอยู่คนละ $20 เท่ากัน ดังนั้นทุกคนจึงมีโอกาสที่จะได้เงินโดยเฉลี่ย $20 จากทัวร์นาเม้นต์นี้
แต่ถ้ามีผู้เล่นแค่ 4 คน ขณะที่มีเงินรางวัลรวม $100 จะมีการแบ่งรางวัลให้ผู้ชนะ 3 อันดับแรกคือ $50, $30 และ $20 โดยที่ทุกคนมีชิพ 2,500 ชิพเท่ากันทุกคน จำนวนเงินโดยเฉลี่ยของทุกคนก็จะอยู่ที่ 2,500 / $100 = $25 พอเอาเข้าจริง ๆ เวลาเล่น Stack Size ของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน และวิธีคำนวณก็จะซับซ้อนกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ICM เป็นแค่เครื่องมือที่ช่วยประเมินสถานการณ์ทางการเงินให้กับเรา ว่าในระยะยาวชิพที่เหลืออยู่มันจะเทียบเท่ากับเงินเท่าไหร่ ไม่ได้ช่วยให้เล่นง่ายเล่นยากไปกว่าเดิมเลย
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วง Final Table ของ $10+$1 Sit & Go เหลือผู้เล่นอยู่ 3 คน Stack Sizes และการแบ่งเงินรางวัล (Prize Pool) อยู่ในลักษณะนี้
Stack Size
- ผู้เล่นคนที่ 1 จำนวนชิพ 5,000
- ผู้เล่นคนที่ 2 จำนวนชิพ 2,500
- ผู้เล่นคนที่ 3 จำนวนชิพ 2,500
Prize Pool
- อันดับ 1 $50
- อันดับ 2 $30
- อันดับ 3 $20
จะเห็นได้ว่าตอนนี้ผู้เล่นคนที่ 1 จะได้เงินเฉลี่ยสูงสุด ขณะที่ผู้เล่นคนที่ 2 กับคนที่ 3 จะได้เท่ากัน จากนั้นเราเอาข้อมูลที่ได้ไปให้โปรแกรมจำพวก ICM Calculator ประมวลผลให้ก็จะได้ข้อมูลดังนี้
- ผู้เล่นคนที่ 1 มี 5,000 ชิพ โอกาสที่จะได้เงินเฉลี่ยคือ $38.33
- ผู้เล่นคนที่ 2 มี 2,500 ชิพ โอกาสที่จะได้เงินเฉลี่ยคือ $30.83
- ผู้เล่นคนที่ 3 มี 2,500 ชิพ โอกาสที่จะได้เงินเฉลี่ยคือ $30.83
มาถึงตรงนี้อาจสงสัยว่าเวลาไปเล่นจริงบนโต๊ะ โป๊กเกอร์ จะมีเวลามานั่งคิดนั่งกดหาก ICM อยู่เหรอ ลำพังแค่อ่าน Action หา Hand หา Range ไพ่ก็จะตายอยู่แล้ว ใช่ครับ พอถึงตรงนั้นไม่มีเวลาคิดหรอก แต่อยากจะบอกว่าของแบบนี้รู้ไว้ย่อมดีกว่าไม่รู้ เพราะถ้าอยากรอดในทัวร์นาเม้นต์หรือมีรางวัลติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง หนทางเดียวก็คือการทำให้ Stack เราหนาพอที่จะติดอันดับให้ได้
ถึงอย่างนั้น Stack หนาก็ยังไม่ใช่ทุกสิ่งอยู่ดี เราต้องดูด้วยว่าเงินรางวัลรวมของทัวร์นาเม้นต์ที่รออยู่กับเงื่อนไขการจ่ายมันคุ้มไหมกับการที่จะเล่นต่อ หากเล่นเข้าไปถึงรอบลึกแล้ว Stack มันไม่พอล่ะ ก็เท่ากับว่าเสียเวลาเปล่าอีก อย่างน้อยการรู้เรื่อง ICM มันก็ยังพอที่จะช่วยให้เราคิดหยาบ ๆ ได้แล้วว่า Stack ที่มีอยู่ตอนนี้เวลาไปแลกเป็นเงินจริงเราจะได้กำไรสักแค่ไหน ก็แค่นั้นเองครับ
สำหรับนักเล่นโป๊กเกอร์ที่ต้องการจะใช้วิธีเล่นแบบ Deep Stack Poker ในการเล่นไม่ว่าจะ Cash game หรือ Tournament ก็ตาม คงต้องยอมรับสิ่งหนึ่งก็คือ วิธีการเล่นแบบนี้ใครที่จะเล่นต้องมีเงินหนาพอสมควรนะเพราะใช้เงินเยอะมาก แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังมีมาแนะนำให้ 4 วิธีเล่น Deep Stack Poker ง่ายกว่าเดิม