วิธีรับมือผู้เล่น 4 ประเภทใน Poker
วิธีรับมือผู้เล่น 4 ประเภทใน Poker สำหรับการเล่น โป๊กเกอร์ แค่อ่านคนได้ อ่านไพ่เป็น คงยังไม่พอที่จะทำให้อยู่รอดไปถึงรอบ Show Down ได้แน่ เพราะผู้เล่นแต่ละคนนั้นต่างมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันไป นั่นหมายความว่าทุกคนมีจุดแข็งจุดอ่อนที่ต่างกัน ดังนั้นวิธีการรับมือกับคนเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้เอาไว้ด้วย ซึ่งในบทความนี้ผมจะพาไปรู้จักกับผู้เล่น 4 ประเภทที่เราจะเจอบนโต๊ะ โป๊กเกอร์ พร้อมกับวิธีรับมือพวกเขากันครับ
ทำอย่างไรให้เป็นผู้ชนะในการดวลกันแบบตัวต่อตัว และมันจะยิ่งกดดันมากยิ่งขึ้นถ้าหากว่าเงินรางวัลในรอบนั้นต้องตกเป็นของผู้เล่นที่ชนะเพียงคนเดียวเท่านั้น แค่นึกก็เสียวสันหลังวาบแล้ว เราก็ไม่อยากให้คุณไปตกอยู่ในสถานการณ์นั้นก็เลยมานำเสนอให้ถึง 7 วิธีเผชิญหน้าเพื่อเป็นผู้ชนะใน Tournament Poker จะมีวิธีการอย่างไรบ้างก็ต้องไปดูกัน
รู้ได้อย่างไรว่าใครเล่น Poker สไตล์ไหน
เรามีวิธีการง่าย ๆ ในการจำแนกผู้เล่นด้วยพื้นฐาน 2 อย่าง คือ
- การเลือก Starting Hand จะช่วยให้เห็นว่าใครมีรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย (Loose) หรือเล่นแบบระมัดระวัง (Tight) ในการเลือก Staring Hand ของผู้เล่นประเภท Tight จะค่อนข้างเข้มงวดหน่อย พวกเขาจะเล่นกับไพ่ที่ดีเท่านั้น ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 15% ของสำรับ ส่วนมากจะเป็นพวกไพ่ 55+ A7S+, A5s, A9o+, K9s+, KJo+ และ QJs ต่างจากผู้เล่นประเภท Loose ที่ไม่ค่อยซีเรียสกับ Starting Hand มากนัก ไพ่ที่พวกเขาจะเอามาเล่นจึงมีมากถึง 40% ซึ่งมักจะเป็นไพ่ 33+, A2+, K2S+, K5o+, Q5s+, Q8o+, J7s+, J9o+ และ T8s
- รูปแบบการวางเดิมพัน หรือ Betting Pattern ถ้าเจอพวกที่วางชิปกันแบบไม่คิดหน้าคิดหลังให้รู้ไว้เลยว่านั่นคือพวก Aggressive แต่ถ้าเรื่อย ๆ ปล่อยให้คนอื่นวางไปก่อน หรือวางเท่าที่จำเป็น พวกนี้จะเรียกกว่า Passive Betting Pattern ในที่นี้จะไม่รวมการ Check เราจะดูแค่การ Raise และ Call เท่านั้น โดยผู้เล่นสไตล์ Aggressive มักจะ Bet หรือ Raise มากกว่า Call เป็นสองเท่า ขณะที่ผู้เล่นสไตล์ Passive จะเน้นไปที่การ Call มากกว่า Bet หรือ Raise สรุปก็คือจากทั้ง 2 เงื่อนไขที่เราใช้ดูสไตล์การเล่น เราสามารถแบ่งผู้เล่นออกได้เป็น 4 ประเภทคือ
- Tight Passive : The Rock
- Tight Aggressive : The TAG
- Loose Passive : The Calling Station
- Loose Aggressive : The LAG
เดี๋ยวเราจะมาดูกันครับว่าผู้เล่นแต่ละประเภท จะมีลักษณะเด่นอย่างไร มีข้อดีอย่างไร มีข้อเสียตรงไหน และกลยุทธ์ที่เราจะใช้รับมือกับพวกเขาเมื่อต้องเผชิญหน้ากันบนโต๊ะ โป๊กเกอร์ กันครับ
Tight Passive : The Rock
ถ้าเจอผู้เล่นประเภทนี้บอกเลยว่า “หิน” สมชื่อ เพราะพวกเขาจะเขี้ยวกันตั้งแต่ช่วง Starting Hand ถ้าไพ่ไม่ดีไม่เล่น ซึ่งเป็นลักษณะของ Tight บวกกับคุณสมบัติของ Passive ที่แค่ Bet ยังไม่ค่อยทำ ยิ่ง Raise นี่อย่าหวังว่าจะได้เห็นง่าย ๆ แต่ถ้าเมื่อใดที่พวกเขา Bet หรือ Raise ขึ้นมา เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะ Starting Hand ที่สูงอยู่เหมือนกัน
ข้อดีของ Tight Passive
- ความเสี่ยงต่ำเพราะเลือกเล่นกับไพ่ดีเท่านั้น
- ถ้าเจอผู้เล่นประเภท Aggressive บนโต๊ะหลายคน แทบจะไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้อีกฝ่าย Raise หรือ Bluff ใส่รัว ๆ ส่วนเราก็นั่งรอจังหวะติดไพ่ดี ๆ ก็พอ เหมือนกับใช้ให้คนอื่นเล่นแทนเรานั่นเอง
ข้อเสียของ Tight Passive
- ทำเงินได้น้อย ไม่คุ้มกับไพ่ดีที่ได้มา
- เปิดโอกาสให้คนอื่นได้ลุ้นไพ่มากขึ้น เพราะเราไม่ค่อย Bet หรือ Raise เพื่อบีบคู่แข่งให้ยอมทิ้งไพ่
วิธีรับมือกับผู้เล่นสาย The Rock
- ถ้าเห็นว่า The Rock อยู่ในตำแหน่ง Big Blind หรือ Small Blind ให้ทำการ Raise 3BB จาก Late Position เพื่อขโมย Blind
- ถ้าในช่วง Pre-flop The Rock มีการ Bet หรือ Raise เราจะสู้ด้วยก็ต่อเมื่อ Starting Hand ของเราดีมาก ๆ เท่านั้น
- เมื่อมีโอกาส Draw ในช่วง Flop ให้ทำการ Check จะทำให้เรามีโอกาสดูไพ่ฟรี เนื่องจาก The Rock มีนิสัยไม่ค่อย Bet นั่นเอง
Loose Passive (The Calling Station)
สำหรับสไตล์การเล่นแบบ The Calling Station ส่วนมากมักจะเป็นผู้เล่น โป๊กเกอร์ มือใหม่เสียมากกว่า นอกจากจะไม่ค่อย Bet หรือ Raise แล้ว ยังมี Starting Hand ที่เยอะมาก พฤติกรรมที่หลัก ๆ ที่จะเห็นได้ชัดก็คือ จะไม่ Bet ถ้าติดไพ่บน Flop เพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะหมอบ กับอีกอย่างก็คือจะ Call ตามเมื่อไม่ติดไพ่บน Flop เพราะคิดว่าน่าจะมีโอกาสติดในช่วง Turn หรือคิดว่าอีกฝ่าย Bluff อยู่ สรุปรวม ๆ ก็คือสไตล์การเล่นแบบนี้มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยเมื่อไปเล่นในโป๊กเกอร์ออนไลน์
นักเล่นโป๊กเกอร์ส่วนใหญ่ ถ้าให้นึกถึงไพ่ตัวที่ดีๆ ทุกคนก็มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า AA , KK และ QQ ซึ่งเราก็ไม่เถียงว่าไพ่เหล่านั้นดีจริง แต่คุณลืมไปหรือป่าวว่าไพ่ AK นั้นติดอยู่ในอันดับ Monster Hand ของ Hold’em Poker เลยเชียวนะ เรียกว่าโหดพอสมควรเลย ถ้างั้นเรามาลองดูกันไหมว่า เทคนิคโป๊กเกอร์ AK Poker Trick เล่นยังไงให้ปั่นกำไรขั้นสุด และจะปั่นได้มากขนาดไหนมาดูกันเลย
ข้อดีของ Loose Passive
- เมื่อใดก็ตามที่บนโต๊ะมี Aggressive อยู่เยอะ คือโอกาสทองของผู้ตาม เนื่องจากมีคนอื่นคอย Bet หรือ Raise แทนอยู่แล้ว
- ถ้าไปเจอพวก Tight Passive ที่มีหน้าตักหนาตั้งแต่ 100-200BB ขึ้นไป มีโอกาสมากที่จะทำเงินได้มหาศาลจากการติดไพ่ที่อีกฝ่ายไม่คาดคิด เช่น อีกฝ่ายมี Top pair และไม่ยอมหมอบ เพราะเห็นว่าเราเป็น The Calling Station แต่บังเอิญ Starting Hand เราเป็น 108o และไปติด Straight เข้าให้
ข้อเสียของ Loose Passive
- จุดอ่อนเดียวกันกับ The Rock ก็คือติดไพ่ดีทั้งทีแต่ไม่มีปัญญาทำเงินได้เยอะ อีกทั้งยังไม่มีการป้องกันไพ่จากพวก Draw อีกด้วย
- มีไพ่เยอะเกินไป แถมยังเป็นไพ่อ่อนอีกด้วย ก็เลยทำให้เสียเงินไปกับไพ่พวกนี้เมื่อต้องเจอกับไพ่ที่ใหญ่กว่า
วิธีรับมือกับผู้เล่นสาย The Calling Station
- ไม่ต้องไปบลัฟให้เสียเวลา และ Bet ก็ต่อเมื่อมีไพ่ดี ๆ เท่านั้น ยังไงพวกนั้นก็ Call ตามอยู่ดี
- ถ้าพวก Calling Station อยู่ในตำแหน่ง Big Blind หรือ Small Blind หรือยังอยู่ใน Pot แล้ว Starting Hand ดี ให้ Raise Pre-flop ไปหนัก ๆ ได้เลย
- ถ้าเรามีไพ่กลาง ๆ แล้วพวกนี้ Bet มาก็ให้หมอบไปเลย
Tight Aggressive (The TAG)
ถือได้ว่าเป็นตัวชนประจำโต๊ะก็ได้ ยิ่งในพวก โป๊กเกอร์ แบบทัวร์นาเม้นต์จะเห็นผู้เล่นสาย The TAG เยอะมาก พวกนี้จะไม่ค่อย Call แต่จะเน้นไปที่การ Bet และ Raise เป็นหลัก
ข้อดีของ Tight Aggressive
- ทำให้เล่นได้ง่ายเนื่องจากมี Starting Hand น้อย และมีโอกาสขาดทุนต่ำ
- ด้วยคุณสมบัติของ Aggressive ทำให้สามารถเอาชนะได้ด้วยการ Bluff และถ้าถือไพ่ดีกว่าอีกฝ่ายก็จะทำให้ได้กำไรเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ข้อเสียของ Tight Aggressive
- ถ้าเจอผู้เล่นที่อ่านทางไพ่เก่งจะถูกอ่าน Range ไพ่ได้ง่าย เนื่องจากมีไพ่อยู่น้อย
- ในกรณีที่ถือ Top pair หรือ Top Kicker มีโอกาสมากที่จะเสียหมดหน้าตักเพราะนิสัยของ Aggressive ที่ชอบเล่นหนัก
วิธีรับมือกับผู้เล่นสาย The TAG
- เมื่อเราอยู่ในตำแหน่ง Late Position ให้ลองขโมย Blind ดู เพราะพวกเขามีความเป็น Tight อยู่
- เมื่อใดก็ตามที่ The TAG ทำการ Bet หรือ Raise ในช่วง Pre-flop ควรจะสู้ก็ต่อเมื่อมี Starting Hand ดี ๆ หรือจะเป็น AA, KK, QQ, JJ, AKs ก็ได้ โดยใช้การ Re-Raise กลับเสมอ
- ถ้า Starting Hand ดีจริงแต่ยังอ่อนกว่า The TAG ให้ Check ในช่วง Flop ส่วนใหญ่แล้ว The TAG มักจะ C-bet โดยไม่สนว่าจะติดไพ่หรือไม่
- อย่างไรก็ตามถ้าเป็นไปได้พยายามอย่าไปสู้กับพวก The TAG เพราะโดยรวมแล้วพวกเขามักจะแกร่งกว่า
Loose Aggressive (The LAG)
อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นที่รับมือได้ยากที่สุดในบรรดาผู้เล่น โป๊กเกอร์ ทั้ง 4 ประเภท พวกเขาจะมี Starting Hand ที่หลากหลายไม่ตายตัว แต่พฤติกรรมหนึ่งที่น่าจับตามองก็คือการ Bet หรือ Raise ที่มากกว่า Call แม้ว่าจะรับมือยากก็ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะมีน้อยคนนักที่จะใช้กลยุทธ์นี้นอกจากพวกโปรจริง ๆ เนื่องจากมันมีความเสี่ยงสูง
ข้อดีของ Loose Aggressive
- มีไพ่หลายแบบที่จะเอามาใช้เล่น ทำให้ยากที่จะถูกอ่านทางไพ่ออก
- อีกฝ่ายมักจะถูกภาพลักษณ์ที่ว่า The LAG คือจอมบลัฟตบตาอยู่เสมอ
- สามารถเอาชนะได้ทั้งด้วยไพ่มือดีที่สุด และการ Bluff จนอีกฝ่ายหมอบ
ข้อเสียของ Loose Aggressive
- ต้องรู้และแม่นจังหวะหมอบ ไม่อย่างนั้นจะทำให้เสียเงินหนักมาก
วิธีรับมือกับผู้เล่นสาย The LAG
- ถ้าคิดว่าฝีมือของเราไม่ไก่กาล่ะก็ เรามีไพ่หลากหลายรูปแบบที่จะใช้สู้กับ The LAG ได้ และมีโอกาสสูงมากที่ไพ่เราจะนำในช่วง Pre-flop
- ถ้า The LAG Bet มาในช่วง Pre-flop เราก็สามารถบีบเขาออกจาก Pot ได้ด้วยการ Re-Raise ด้วยไพ่แข็ง ๆ
- ใช้ Check-Raise เมื่อ The LAG อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า
นอกจากผู้เล่น โป๊กเกอร์ ทั้ง 4 ประเภทหลักแล้ว ยังมีอีก 2 ประเภทที่เรามักจะพบก็คือ
- The Nit พวกนี้จะขี้กลัว ส่วนใหญ่ถ้าเจออีกฝ่าย Bet ใส่แล้วตัวเองไม่ได้ถือไพ่ดีก็จะรีบหมอบทันที
- The Maniac อันนี้จะเรียกว่าตัวปั่นก็ได้ พวกเขาจะเล่นได้หลากหลายรูปแบบ แถมยัง Bet หนัก Raise หนัก สิ่งที่หลายคนต้องเสียเงินให้กับ The Maniac ก็เพราะโดนตบด้วยไพ่อย่าง 64s จนเกิดอาการหัวร้อน เร่งเครื่องเข้าใส่แบบไม่มีสติ จำไว้ว่าแค่ใจเย็นสักนิดอดทนสักหน่อยในระยะยาวได้กินเงินเขาหมดหน้าตักแน่นอน
สรุปก็คือไม่ว่าจะต้องไปเจอกับผู้เล่น โป๊กเกอร์ ประเภทไหนก็ตาม ขอให้เราเล่นได้ทุกประเภทก็พอ ของแบบนี้มันมีความแพ้ทางกันอยู่ แค่รู้จุดอ่อน จุดแข็ง ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม ก็สามารถเอาชนะได้ไม่อยาก ไม่ว่าจะด้วยไพ่มือดี หรือจะใช้วิธีการ Bluff ก็ตาม