4 เรื่องต้องเข้าใจที่จะช่วย ปั่นกำไรจาก 6+ Hold’em Poker
( 4 เรื่องต้องเข้าใจที่จะช่วย ปั่นกำไรจาก 6+ Hold’em Poker ) 6+ Hold’em Poker หรือ Short Deck ถือได้ว่าเป็น โป๊กเกอร์ อีกรูปแบบที่ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่า Texas Hold’em เพราะมีพื้นฐานกติกาเดียวกัน การวัดขนาดไพ่ก็ไม่ต่างกันมากนัก เรียกได้ว่าแค่มีพื้นฐานจากเท็กซัสโฮลด์เอ็มมาก็สามารถเล่นได้ไม่ยาก แต่ถ้าไม่อยากพลาดทำกำไรจากเกมนี้จนถึงขั้นหัวร้อนแล้วล่ะก็ มี 4 เรื่องที่เราต้องเข้าใจก่อนจะไปเล่น 6+ Hold’em Poker กันครับ
วันนี้เราอยากมาแนะนำวิธีการเล่นโป๊กเกอร์ในแบบที่พิสดารแบบแปลกๆกันดูบ้างโดยเฉพาะใครที่กำลังเบื่อเล่นในแบบเดิมๆ เพราะคุณจะพบแดนมหัศจรรย์ที่คุณต้องลองด้วยวิธีการเล่นแบบ Open-face Chinese Poker หรือย่อๆว่า OFC Poker แต่บอกก่อนนะว่าเกมนี้เหมาะสำหรับนักเล่นที่มือหนักใช้เงินเยอะเท่านั้นนะ หากยอมรับตรงจุดนี้ได้ก็ตามมาได้เลย
1.ลำดำไพ่ที่เปลี่ยนไป
สำหรับผู้เล่นมือใหม่อาจจะมีเผลอหรือลืมไปว่า แม้ขนาดไพ่ใหญ่สุดจะเป็น Royal Flush และเล็กสุดคือ High Card เหมือนกับ Texas Hold’em แต่การที่ 6+ Hold’em ถอดเอาไพ่แต้มต่ำอย่าง 2-5 ออกทุกดอก ทำให้ลำดับไพ่เปลี่ยนไป 3 อย่างคือ
- Straight เล็กที่สุดคือ A, 6, 7, 8, 9
- คาสิโนออนไลน์ บางแห่ง อย่าง Dafabet จะให้ ไพ่ตอง (Set / 3 of a Kind) ใหญ่กว่า Straight ดังนั้นก่อนเล่นต้องศึกษากฎนี้ให้ดี เพราะบางที่ Straight ถือว่าใหญ่กว่าไพ่ตองเหมือนเดิม
- Flush ใหญ่กว่า Full House
2.คัดไพ่เริ่มต้นให้ดี
เมื่อกฎเปลี่ยน กลยุทธ์ที่ใช้และไพ่เริ่มต้นก็จำเป็นต้องเปลี่ยนตามไปด้วย เพราะ Short Deck มีโอกาสติดไพ่ง่ายกว่ามาก ดังนั้นเราจำเป็นต้องเลือก Starting Hand ที่จะช่วยให้ติดไพ่ใหญ่อย่างพวก Full House หรือ Flush แทนที่จะเป็น One Pair หรือ Two Pair โดยมีหลักการเลือกคือ
- ไม่ให้ราคาไพ่ดอกต่างกัน (Offsuit) แม้ว่าในการเล่นแบบ No-Limit Hold’em จะถูกยกให้เป็นไพ่ใหญ่ระดับ Monster แต่พอมาอยู่ใน Short Deck ก็เป็นได้แค่ไพ่ระดับกลาง ๆ เท่านั้น
- ไพ่คู่ (Pocket Pair) และไพ่ดอกเดียวกัน (Suited) จะมีค่ามากในเกมนี้ เพราะ คาสิโนออนไลน์ บางที่ไพ่คู่จะมีโอกาสติด Set มาก และมีโอกาสชนะพวก Straight ขณะที่ไพ่ Suited จะช่วยให้ติด Flush ง่ายเช่นกัน
- ความแข็งแกร่งของไพ่จะต่างไป แม้เล่นในตำแหน่งเดียวกัน อย่างเช่นไพ่ A7s ที่ตำแหน่ง UTG ไม่ควรเล่นใน No-Limit Hold’em เมื่อมาอยู่ในนี้จะกลายเป็นไพ่ดีในทันที เพราะสามารถเล่นได้ทุกรูปแบบ แถมมีโอกาสติด Flush ใหญ่ในช่วง Flop อีกด้วย
- กำหนดกลุ่มของไพ่ (Range) ในตำแหน่งที่เล่นอยู่เสมอ ส่วนใหญ่มือใหม่มักจะไม่ค่อยใส่ใจในจุดนี้ คือมาถึงก็ Call กันด้วยความหวังที่ว่าจะไปติดไพ่อะไรดี ๆ ที่ช่วง Flop ไม่มีแผนหรือกลยุทธ์อะไรเลย ใครที่เป็นแบบนี้ลองเปลี่ยนใหม่สร้าง Range ขึ้นมาว่าจะใช้ไพ่แบบไหน Raise ตรงจุดไหนเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ใครที่มีพื้นฐานเรื่อง Rage มาจาก Texas Hold’em ก็เอามาปรับใช้ได้เหมือนกัน แต่ถ้าใครไม่มีพื้นเรื่องนี้ก็ลองไปศึกษาดูได้ครับไม่ยากเกินไป
3.ทำความเข้าใจเรื่อง Odd ละ Equity เสียใหม่
เนื่องจากจำนวนไพ่ที่ใช้เล่นใน 6+ Hold’em มีน้อยลง การคำนวณหาโอกาสในการออกไพ่ก็จะเปลี่ยนไปดังนี้
- Out แต่ละใบจะถูกคิดเป็น 3% ต่อใบ สมมติว่าตอนนี้เรามาถึงรอบ Flop มีโอกาสที่ไพ่จะออก (Out) ในรอบ Turn กับ River 6% (นับรอบละ 3%)
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วง Flop เรามี 8 Outs โอกาสที่เราจะติดในรอบ Turn ก็คือ 8 x 3 = 24% และโอกาสที่จะติดไปถึงรอบ River ก็คือ 8 x 6 = 48%
- Flush Draw จะมีโอกาสแค่ 5 Outs จาก 9 Outs เท่ากับว่าโอกาสที่จะติด Flush ในรอบ Turn คือ 5 x 3 = 15% และโอกาสที่จะติดไปถึงรอบ River คือ 5 x 6 = 30% เห็นโอกาสติดน้อยแบบนี้ถ้าติดมาทีบอกเลยว่าคุ้มกว่าติด Straight แน่นอน
4.Implied Odds ก็เปลี่ยนไปด้วย
และตัวสุดท้ายที่ถือว่าค่อนข้างยากในการเล่น 6+ Hold’em ก็คือ Implied Odds ที่เปลี่ยนไป แต่ถ้าเข้าใจแล้วการเล่นจะง่ายขึ้นเยอะเลยครับ ซึ่งหลัก ๆ ที่ต้องเข้าใจก็มี
- ค่า Reverse-implied Odds ของ Straight Draw จะขึ้นเยอะมากในกรณีที่กฎกำหนดให้ Set (ไพ่ตอง) ใหญ่กว่า Straight
การเล่นใน คาสิโนออนไลน์ ที่ใช้กฎเช่นนี้หนทางเดียวที่จะทำให้เรามีโอกาสชนะฝั่งที่มี Set ก็คือ เรามี Straight และ Flush Draw ไปพร้อม ๆ กัน ไม่เช่นนั้นโอกาสชนะก็เป็นศูนย์
- Implied Odds ของ Flush Draw คือพระเจ้า
แม้ว่าเราจะแทบจะกินแห้วเวลาที่บอร์ดออกคู่ขณะที่เรามี Flush ในเกม No-Limit Hold’em สำหรับ Short Deck ถือว่าเป็นโอกาสทองของเรา เพราะตามกฎแล้ว Flush จะชนะ Full House ถึงอย่างนั้นเราก็มีโอกาสแพ้ได้เหมือนกันถ้าไปเจอคนที่มี Flush ใหญ่กว่า หรือพวก Full House ที่ไปติด Quad
- ไม่ต้องกังวลเรื่อง Flush ชน Flush
สิ่งที่หลายคนกังวลเวลาติด Flush ก็คือการได้ไปเจอกับคนที่ถือ Flush ใหญ่กว่า จริงอยู่ที่ว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้ แต่มันก็มีโอกาสน้อยมากเพราะในเกมนี้ไพ่ดอกเดียวกันจะเหลือเพียงแค่ 9 ใบ เมื่อมาอยู่ในมือเราแล้ว 5 ใบ ก็จะเหลือแค่ 4 ใบเท่านั้น ดังนั้นถ้าติด Flush แล้วก็ไม่จำเป็นต้องหมอบ เพียงแต่ต้องรอบคอบให้มากขึ้นหากเจอคนที่เล่นดีและเล่นหนัก
- Set กับ Straight ติดง่ายแต่ต้องระวังตัวที่ใหญ่กว่า
ในเกมนี้ Straight ถือว่าเป็นไพ่ที่ติดง่ายมาก หากติดแล้วสิ่งที่เราต้องระวังก็คือการไปเจอกับ Straight ที่ใหญ่กว่า ส่วน คาสิโนออนไลน์ ที่กำหนดให้ Set ใหญ่กว่า Straight ก็ต้องระวังด้วยว่าจะไปเจอ Set ที่ใหญ่กว่าเช่นกัน
และทั้งหมดนี้ก็คือ 4 เรื่องที่คนอยากทำการไรจาก 6+ Hold’em ต้องเข้าใจ หากใครที่พอมีพื้นฐานจาก โป๊กเกอร์ ยอดนิยมอย่าง Texas Hold’em มาแล้วล่ะก็ ไม่อยากเกินทำความเข้าใจแน่นอน แต่อย่าลืมนะครับว่าลำพังแค่การศึกษาหาความรู้มันยังไม่พอ ต้องฝึกเล่นฝึกใช้ให้บ่อย ที่สำคัญ โป๊กเกอร์ นั้นไม่มีอะไรตายตัว ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
อีกสิ่งหนึ่งที่นักเล่นโป๊กเกอร์จะต้องเรียนรู้คือลักษณะของผู้เล่นแต่ละประเภท ต้องวิเคราะห์ว่าคู่ต่อสู้เรามีข้อดี ข้อด้อยอย่างไร จุดเด่นอยู่ตรงไหน เพื่อเตรียมหา วิธีรับมือผู้เล่นโป๊กเกอร์ 4 ประเภทที่จะได้เจอใน Poker