รู้ไว้ไม่มีพลาด กติกาและวิธีเล่น Poker แต่ละแบบ

รู้ไว้ไม่มีพลาด กติกาและวิธีเล่น Poker แต่ละแบบ สำหรับการเล่น Poker นั้นกติกาและวิธีการเล่นไพ่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว เพราะว่าไพ่ชนิดนี้เป็นเกมพนันที่ผู้เล่นต้องมีชั้นเชิงและชิงไหวชิงพริบกันอย่างมาก และแน่นอนว่าใครที่ไม่เข้าใจวิธีการเล่น ไม่รู้ว่าเกมที่ตัวเองเล่นเขาเรียกกว่าอะไร หรือแม้แต่ไม่เข้าใจว่าที่เขาพูดกันในวงไพ่หมายถึงอะไร ย่อมเป็นเหยื่อให้โดนรุมกินโต๊ะอยู่แล้ว วันนี้ผมก็จะพาทุกคนไปดูกันครับว่าเรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ไว้นั้นมีอะไรบ้าง

ศัพท์ที่ใช้ในการเล่น Poker

แม้ว่าในการเล่น Poker จะมีคำศัพท์มากมาย แต่คำที่เรามักจะเจอกันได้บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นใน คาสิโนออนไลน์ หรือในบ่อนใหญ่ ๆ จะมีดังนี้

• Button หมายถึง ปุ่มสัญลักษณ์ที่แสดงหน้าผู้เล่นว่ากำลังเล่นในตำแหน่งไหนอยู่ โดยปุ่มที่ว่านี้จะมีการหมุนเวียนไปหาผู้เล่นทุกคนเพื่อให้เกิดความยุติธรรมในการเล่น
• Dealer หมายถึง ผู้เล่นคนสุดท้ายที่จะได้รับแจกไพ่ เสมือนว่าเป็นคนแจกไพ่
• Hold cards หมายถึง ไพ่ที่ผู้เล่นได้รับแจกซึ่งจะถูกคว่ำหน้าไว้เพื่อไม่ให้ผู้เล่นคนอื่นเห็น
• Big Blind (BB) หมายถึง ผู้เล่นที่ถูกบังคับให้วางเดิมพันเต็มจำนวนขั้นต่ำที่โต๊ะกำหนดไว้ เช่น โต๊ะกำหนดไว้ว่าต้องวางเดิมพันขั้นต่ำ 20 หน่วย ผู้เล่นที่เป็น Big Blind ก็จะต้องวางเดิมพัน 20 หน่วย ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้
• Small Blind (SB) หมายถึง ผู้เล่นที่ถูกบังคับให้วางเดิมพันครึ่งหนึ่งของเดิมพันขั้นต่ำของโต๊ะ เช่น โต๊ะกำหนดให้วางเดิมพันขั้นต่ำ 20 หน่วย ผู้เล่นที่เป็น Small Blind จะต้องวางเดิมพัน 10 หน่วย ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้
• Flop หมายถึง ไพ่กองกลาง 3 ใบแรกที่ถูกหงายบนโต๊ะ
• Turn หมายถึง ไพ่กองกลางใบที่ 4 ที่หงายไว้บนโต๊ะ
• River หมายถึง ไพ่กองกลางใบที่ 5 ที่หงายไว้บนโต๊ะ

 ไพ่ Poker มีกี่แบบ

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นไพ่ โป๊กเกอร์ แต่ความพิเศษของมันมีวิธีการเล่นมากมายหลากหลายรูปแบบ ซึ่งกติกาก็ต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น สำหรับรูปแบบการเล่นไพ่ โป๊กเกอร์ ที่ได้รับความนิยมก็มี

Texus Hold’em

ถือได้ว่าเป็น โป๊กเกอร์ ที่นิยมเล่นกันมากที่สุดใน คาสิโนออนไลน์ และบ่อนใหญ่ทั่วโลก วิธีเล่นก็คือผู้เล่นจะได้รับแจกไพ่ 2 ใบ แล้วนำมาจัดชุดร่วมกับไพ่กองกลางอีก 5 ใบ เพื่อให้ได้ชุดไพ่ที่ดีที่สุด โดยคนที่ได้แต้มมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะและได้เงินกองกลางไปครอง นอกจากนี้ยังมีวิธีเอาชนะอีกแบบหนึ่งก็คือทำให้คนอื่นทิ้งไพ่ให้หมดจนเหลือผู้เล่นเพียงแค่คนเดียว ก็จะได้เงินรางวัลกลับไปเหมือนกัน

Omaha

จะมีความแตกต่างจาก Texus Hold’em ตรงที่ผู้เล่นจะได้รับแจกไพ่ 4 ใบ ส่วนไพ่กองกลางมีอยู่ 5 ใบเหมือนเดิม ส่วนการจัดชุดไพ่ผู้เล่นจะใช้ไพ่ในมือ 2 ใบลงมาแทนที่ไพ่กองกลาง เพื่อให้ได้ชุดไพ่ 5 ใบ แล้วค่อยวัดคะแนนกันตามลำดับไพ่ โป๊กเกอร์

7/5 Stud

รูปแบบการเล่นจะมีความพิเศษตรงที่ไม่มีไพ่กองกลาง และวิธีเล่นก็จะแตกต่างกันไปคือ ผู้เล่นจะได้รับไพ่คว่ำหน้า ส่วนการเล่นจะแบ่งออกเป็น 5 Stud และ 7 Stud ดังนี้

• 5 Stud เมื่อผู้เล่นได้ไพ่ครบ 5 ใบแล้วจะทำการแข่งกันด้วยไพ่ชุดนั้น ใครได้คะแนนมากกว่าก็เป็นผู้ชนะ
• 7 Stud จะมีการแจกไพ่ทั้งหมด 7 ใบ แบ่งการเล่นออกเป็น 5 รอบ และในแต่ละรอบสามารถวางเดิมพันได้จนกว่าจะแจกไพ่ครบ โดยแต่ละรอบจะมีวิธีการแจกไพ่ดังนี้
• รอบที่ 1 แจกไพ่ 3 ใบ โดย 2 ใบแรกจะคว่ำไว้ ใบสุดท้ายจะหงายให้เห็นหน้าไพ่
• รอบที่ 2 แจกไพ่ใบที่ 4 โดยหงายหน้าไพ่
• รอบที่ 3 แจกไพ่ใบที่ 5 โดยหงายหน้าไพ่
• รอบที่ 4 แจกไพ่ใบที่ 6 โดยหงายหน้าไพ่
• รอบที่ 5 แจกไพ่ใบที่ 7 โดยคว่ำหน้าไพ่
• หลังจากได้รับไพ่ครบแล้ว ผู้เล่นจะต้องเลือกไพ่แค่ 5 ใบเท่านั้นมาวัดคะแนนกันเพื่อหาผู้ชนะ

Mix Game Poker

สำหรับ โป๊กเกอร์ ชุดนี้จัดว่าเป็นไพ่ลูกผสม คือจะมีการประยุกต์กฎกติกาจากเกมข้างต้นเพื่อให้เกิดเกมใหม่ขึ้นมา หลัก ๆ จะมีอยู่ 8 เกม ได้แก่

• Limit 2-7 Triple Draw
• Limit Hold’em
• Limit Omaha Eight or Better
• Razz
• Limit 7 Card Stud
• Limit Stud Eight or Better
• Razz
• Limit 7 Card Stud
• Limit Stud Eight or Better
• No Limit Hold’em
• Pot Limit Omaha

 กติกาและวิธีเล่น Poker

สำหรับวิธีการเล่น โป๊กเกอร์ นั้นจะมีความแตกต่างกันไปตามรูปแบบเกมที่เล่น โดยในที่นี้ผมจะขอยกวิธีการเล่นแบบ Texus Hold’em ซึ่งเป็น โป๊กเกอร์ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดใน คาสิโนออนไลน์ มาให้ดูกัน ซึ่งมีขั้นตอนการเล่นดังนี้

1. ผู้แจกไพ่ทำการแจกไพ่ให้กับผู้เล่นทุกคนบนโต๊ะ
2. หลังจากที่ได้รับไพ่ครบทุกคนแล้ว ผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่ง Big Blind จะเป็นผู้เริ่มเล่นก่อน
3. ผู้เล่นจะต้องเลือกเล่นด้วยตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งจาก 4 ตัวเลือกดังนี้

• Fold หมายถึง การทิ้งไพ่ในมือเพื่อบอกว่าไม่ต้องการเล่นเกมนี้แล้ว
• Call หมายถึง วางเดิมพันตามเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะในรอบนั้น
• Raise หมายถึง เพิ่มเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะ การเล่นด้วยตัวเลือกนี้จะทำให้ผู้เล่นคนอื่นต้อง Call เพื่อที่จะได้สิทธิ์ในการเล่นรอบต่อไป หรือเลือกที่จะยอมแพ้ด้วยการ Fold
• Check หมายถึง การขอผ่านโดยไม่ใช้ตัวเลือกทั้งสาม แต่ผู้เล่นจะขอผ่านได้ก็ต่อเมื่อชิปเดิมพันของตนเท่ากับเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะในรอบนั้นแล้วเท่านั้น

4. เมื่อผู้เล่นทุกคนเล่นครบแล้ว จะเข้าสู่รอบต่อไปโดยผู้แจกไพ่จะหงายไพ่ Turn ลงบนโต๊ะ ให้แล้วผู้เล่นที่เหลือเล่นกันต่อด้วย 4 ตัวเลือกเดิม
5. ในรอบสุดท้าย ผู้แจกไพ่จะแจกไพ่ River ซึ่งเป็นไพ่กองกลางใบสุดท้ายเพื่อให้ผู้เล่นที่เหลือแข่งขันกันอีกครั้งเพื่อหาผู้ชนะ
6. หลังจากที่ผู้เล่นทุกคนเล่นครบแล้ว จะต้องทำการจัดชุดไพ่ 2 ใบในมือเข้ากับไพ่กองกลางอีก 5 ใบที่อยู่บนโต๊ะ ชุดไพ่ของใครได้แต้มมากที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะในเกมนั้นไป

และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นเป็นนักเล่น โป๊กเกอร์ มืออาชีพเท่านั้นครับ เพราะเกมไพ่ชนิดนี้ยังมีอะไรอีกมากมายให้เราได้เรียนรู้ก่อนที่จะเข้าสู่การแข่งขันอย่างจริงจังต่อไป และในตอนหน้าเราจะมาดูวิธีการนับแต้มไพ่รวมถึงการจัดชุดไพ่ โป๊กเกอร์ ว่าเขาจัดชุดกันอย่างไรถึงจะได้แต้มสวย ๆ ชุดไพ่ใหญ่เล็กเขาดูกันอย่างไร สำหรับบทความนี้คงต้องพักไว้เพียงเท่านี้ครับ